วิจัยกรุงศรีฯ หวั่น “โอมิครอนรุนแรง-สงครามยืดเยื้อ” ฉุดการค้า-ราคาพลังงานพุ่ง
Read Time:3 Minute, 18 Second

วิจัยกรุงศรีฯ หวั่น “โอมิครอนรุนแรง-สงครามยืดเยื้อ” ฉุดการค้า-ราคาพลังงานพุ่ง

0 0

วิจัยกรุงศรี จับตา 2 ปัจจัยเสี่ยงผลกระทบจาก “โอมิครอน-สงครามรัสเซีย” คาดยืดเยื้อในไตรมาสที่ 2 หวั่นกระทบการค้าห่วงโซอุปทาน-ดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์เร่งตัวขึ้น กระทบการใช้จ่ายครัวเรือน พร้อมคงคาดการณ์กนง.จะตรึงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ตลอดทั้งปี

วันที่ 5 เมษายน 2565 วิจัยกรุงศรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจเดือนกุมภาพันธ์ได้แรงหนุนจากภาคส่งออกที่เติบโตดี ขณะที่การใช้จ่ายในประเทศชะลอลงเล็กน้อย โดยมูลค่าการส่งออกกลับมาเติบโตในอัตราเลขสองหลัก (+16% YoY) ตามอุปสงค์ต่างประเทศที่ปรับดีขึ้น

ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม จากการกลับมาเปิดลงทะเบียนเข้าประเทศผ่านระบบ Test & Go ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์

ส่วนการใช้จ่ายในประเทศ ดัชนีการบริโภคภาคเอกชนเติบโตชะลอลง (+2.3% จาก 5.0%) เป็นผลจากสถานการณ์การระบาดในประเทศที่กลับมารุนแรงขึ้น ประกอบกับราคาพลังงานและราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้น บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับลดลง

อย่างไรก็ดี มาตรการภาครัฐยังเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยพยุงการใช้จ่ายภาคครัวเรือน เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวชะลอลง (+4.3% จาก 7.8%) ตามการลดลงของการนำเข้าสินค้าทุนเป็นหลัก ขณะที่การลงทุนภาคก่อสร้างค่อนข้างทรงตัว

แม้ในช่วงต้นปีเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว แต่ในระยะข้างหน้ายังมีปัจจัยลบทั้งจากสถานการณ์จำนวน ผู้ติดเชื้อไวรัสโอมิครอนในไทยที่ยังอยู่ในระดับสูงอาจกดดันความเชื่อมั่นและกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศ

ขณะที่ปัจจัยภายนอกจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังมีความไม่แน่นอนและอาจยืดเยื้อในไตรมาส 2 กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะยุโรป จึงอาจส่งผลต่อ

1. การค้าระหว่างประเทศจากความต้องการสินค้าและบริการชะลอลง ปัญหาหรืออุปสรรคในการขนส่ง รวมถึงปัญหาห่วงโซ่อุปทานของสินค้าบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย

2.ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้น กระทบต่อทั้งต้นทุนการผลิตของภาคธุรกิจ และค่าครองชีพของประชาชนบั่นทอนการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน

ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้เล็กน้อย แต่ปรับเพิ่มเงินเฟ้อสูงเหนือกรอบเป้าหมาย วิจัยกรุงศรีคาดดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวที่ 0.50% ตลอดทั้งปี การประชุม กนง.ในวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง

ล่าสุดกนง.ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2565 เติบโต 3.2% จากเดิมคาด 3.4% เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านการปรับขึ้นของราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าชะลอตัวลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยของปีนี้ กนง.ได้ปรับคาดการณ์เพิ่มขึ้นเป็น 4.9% จากเดิมคาด 1.7% ผลจากราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นและการส่งผ่านต้นทุนในหมวดอาหารเป็นสำคัญ

แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปีนี้มีแนวโน้มสูงเกินกรอบเป้าหมาย (1-3%) วิจัยกรุงศรียังคงคาดการณ์ว่ากนง.จะตรึงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% ตลอดจนถึงสิ้นปี เนื่องจาก 1.อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นผลจากแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทาน (cost-push inflation)

ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ (demand-pull inflation) ยังอยู่ในระดับต่ำจากรายได้ที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว 2.การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าส่วนใหญ่กระจุกตัวในหมวดพลังงานและการส่งผ่านต้นทุนในหมวดอาหารเป็นหลักซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นชั่วคราว 3.อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย

ขณะที่กนง.ระบุว่า “แม้เงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงกว่า 5% ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ปี 2565 แต่จะทยอยปรับลดลงและจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ในช่วงต้นปี 2566” และ 4.ถ้อยแถลงของกนง.ระบุว่า “ยังคงให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ”

จากประมาณการ GDP ล่าสุดของธปท.ที่ 3.2% ประเมินว่าระดับของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาเท่ากับก่อนเกิดการระบาด Covid-19 ได้อาจเป็นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %
Previous post สงครามแย่งชิงอาหารเริ่มแล้ว!
Next post เงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี ตลาดจับตาวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนที่ยังน่าเป็นห่วง