เอไอเอ ทรานฟอร์ม Digital Insurer ยอมรับปี’65 ธุรกิจประกันยังท้าทาย
Read Time:5 Minute, 7 Second

เอไอเอ ทรานฟอร์ม Digital Insurer ยอมรับปี’65 ธุรกิจประกันยังท้าทาย

0 0

เอไอเอ ทรานฟอร์มสู่การเป็น Digital Insurer เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์เคลมใหม่ ยอมรับปี’65 เศรษฐกิจไทยและธุรกิจประกันยังท้าทาย

วันที่ 24 มีนาคม 2565 นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย(AIA) เปิดเผยว่า ในปี 2564 กลุ่มบริษัทเอไอเอมีมูลค่าธุรกิจใหม่ อยู่ที่ 3,366 ล้านเหรียญ เติบโต 18% เทียบจากปี 2563 และมีกำไรหลังหักภาษี อยู่ที่ 6,049 ล้านเหรียญ เติบโต 6% รวมถึงได้มีการจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นไปกว่า 6,451 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นกว่า 8%

ขณะที่เอไอเอประเทศไทย พบว่ามีส่วนแบ่งการตลาดของเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ 23% คิดเป็นมูลค่า 23,542 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาดเบี้ยประกันภัยรับรวม 26% คิดเป็นมูลค่า 157,446 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งการตลาดยอดขายประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) สูงกว่า 40% คิดเป็นมูลค่า 4,740 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งมีส่วนแบ่งการตลาดยอดขายประกันกลุ่ม Employee Benefit กว่า 18%

“ในปีที่ผ่านมา ถือเป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับธุรกิจวินาศภัยและประกันชีวิต แต่ในวิกฤตเอไอเอได้มองเห็นโอกาสและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเป้าหมายที่ชัดเจนของเรา คือต้องการส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ผ่านช่องทาง Omni Channel ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี” นายกฤษณ์ กล่าว

ทั้งนี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยและธุรกิจประกันชีวิตในปี 2565 นายกฤษณ์ กล่าวว่า ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ทั้งจากการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย ในขณะที่คนไทยยังไม่พร้อมเกษียณ โดยแผนของเอไอเอจะช่วยคนไทยวางแผนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ประกันสังคมที่ถูกปรับลดลง เราจึงเน้นให้คนไทยเข้าถึงประกันสุขภาพได้อย่างทั่วถึงเพื่อช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน ให้ผู้เอาประกันภัยอุ่นใจยิ่งขึ้น

อีกทั้งอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น เอไอเอก็พร้อมนำเสนอโอกาสด้านอาชีพตัวแทน AIA Financial Advisor หรือ AIA Life Advisor ที่จะช่วยสร้างอนาคตที่มั่นคง และสร้างคุณค่าต่อตัวเองและผู้อื่น นอกจากนี้เอไอเอยังสามารถคงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในทุกมิติ ด้วยการพัฒนาระบบการทำงานและการบริการโดยใช้กลยุทธ์ ABCDE มาเป็นหลักปฏิบัติ

สำหรับแผนปี 2565 จากพันธกิจต้องการเป็นผู้นำด้านประกันชีวิตและสุขภาพ ให้เป็นอันดับ 1 ตลอดกาล เพื่อสนับสนุนคนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น จะยึดกลยุทธ์ ABCDE เป็นสำคัญซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

1.A – Agency Transformation การพัฒนาช่องทางตัวแทนประกันชีวิตให้ทันสมัย ผลักดันสู่การเป็น Digital Agent ในอนาคต ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้พัฒนาการบริการแก่ลูกค้า เช่น นวัตกรรม AIA iSign ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถทำประกันชีวิตได้แบบไม่ต้องพบหน้ากัน เพื่อลดความเสี่ยงจากการเดินทางและลดการสัมผัส อีกทั้งยังช่วยให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพแม้ในยามวิกฤต

2.B – Business Partner Acceleration การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของช่องทางพันธมิตร เอไอเอมุ่งมั่นมองหาพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มให้กับลูกค้าได้อย่างครบวงจร จากที่มีช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์และเทเลเเซลล์จะขยายพันธมิตรช่องทางดิจิทัล บริษัทโทรคมนาคมและบริษัทที่มีดาต้าลูกค้าจำนวนมากต่อไปในอนาคต

3.C – Customer Centricity การมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง สำหรับการพัฒนาในทุก ๆ ก้าว เพื่อให้ตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด

4.D – Digitalisation Journey การวางเส้นทางไปสู่ยุคดิจิทัล กับการเป็น Digital Insurer โดยมุ่งเฟ้นหาและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อรองรับการหมุนไปอย่างรวดเร็วของโลกดิจิทัล

5.E – ESG (Environmental, Social and Governance) ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยผ่านกลยุทธ์ ESG ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และธรรมาภิบาล ประกาศเข้าร่วม Net Zero ไม่ลงทุนธุรกิจหรือหุ้นที่สร้างแก๊สเรือนกระจก เช่น ธุรกิจถ่ายหิน เป็นต้น รวมถึงพันธกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทเอไอเอกับ AIA One Billion ที่มุ่งมั่นส่งเสริมให้คนทั่วเอเชียกว่า 1,000 ล้านคน มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นภายในปี 2030

“ผมมองเป้าหมายการโตของเบี้ยแม้จะท้าทายแต่คาดว่าจะโตเป็นสองหลักได้ เพราะจากสถานการณ์โควิดวันนี้ที่รัฐบาลจะปรับเป็นโรคประจำถิ่นจะทำให้บริษัทประกันชีวิตไม่ต้องตั้งสำรองความเสี่ยงมากเกินไป ซึ่งเป็นผลบวก ขณะที่โรคระบาดโควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทำให้คนไทยตื่นตัวมาใส่ใจประกันสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่ายอดขายจะโตต่อไปได้” นายกฤษณ์ กล่าว

นอกจากนี้ในอนาคต เอไอเอจะมุ่งสู่การเป็น Digital Insurer ตอนนี้ได้เริ่มและวางรากฐานเพื่อปรับตัวให้ทันยุคสมัย รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราใช้ TDA Strategy (Technology, Digital and Analytics) ในการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึก (Insight) และความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า รวมถึงการปรับใช้ภายในองค์กรเพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงาน และตัวแทนประกันชีวิต ซึ่งได้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นระบบการทำงานภายในและบริการดิจิทัลต่าง ๆ เช่น

– AIA iSign นวัตกรรมแรกที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับตัวแทนประกันชีวิตในการบริการลูกค้า ตอบโจทย์การซื้อประกันทุกรูปแบบได้โดยไม่ต้องพบหน้ากัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีตัวแทนประกันชีวิตใช้งาน AIA iSign แล้วกว่า 54.4% ของตัวแทนประกันชีวิตทั้งหมด

– ALive Powered by AIA แอปพลิเคชันผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับทุกคนในครอบครัว ที่มอบความรู้และบริการด้านสุขภาพอย่างครบครัน ช่วยดูแลคนไทยทุกคน ไม่เฉพาะสำหรับลูกค้าเอไอเอเท่านั้น โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันนี้แล้วกว่า 436,000 ราย

– AIA iService แอปพลิเคชันที่ครอบคลุมทุกเรื่องกรมธรรม์ ที่ลูกค้าสามารถจัดการด้วยตัวเองได้แค่ปลายนิ้ว รวมถึงบริการ iClaim ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้เอาประกันภัยสามารถเรียกร้องสินไหมและตรวจสอบสถานะผ่านทางออนไลน์ได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชันนี้ภายในปีนี้ โดยเราจะสร้างประสบการณ์ในโลกดิจิทัลแบบไร้รอยต่อกับแอปพลิเคชันใหม่จากเอไอเอที่ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %
Previous post BC จับมือหน่วยงานรัฐ หนุนจ่ายยากัญชาแผนไทยผ่านคลินิกเอกชน
Next post “กองสลาก” เข้มจัดระเบียบตัวแทนขายหวย “มูลนิธิ-องค์กรการกุศล” ต้องคัดกรอง